tag:blogger.com,1999:blog-90848891536482560952024-02-20T03:57:01.518-08:00การนำเสนอสารภาษาไทย03Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13293329541031498780noreply@blogger.comBlogger5125tag:blogger.com,1999:blog-9084889153648256095.post-41105152522431378652012-08-29T22:25:00.001-07:002012-08-29T22:25:29.256-07:00<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<iframe allowfullscreen='allowfullscreen' webkitallowfullscreen='webkitallowfullscreen' mozallowfullscreen='mozallowfullscreen' width='320' height='266' src='https://www.blogger.com/video.g?token=AD6v5dyHJpXpeeBbzgazOFL106K-SFDG996PCDDxGzW3PJd6KYI98dkgP5ioHR9ZAiTnauzMb-NrSVRI0L8ZlVHE8w' class='b-hbp-video b-uploaded' frameborder='0'></iframe></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13293329541031498780noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-9084889153648256095.post-76087796292245676872012-07-05T01:23:00.000-07:002012-07-05T01:23:00.022-07:00เพลงฉ่อย<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<iframe allowfullscreen='allowfullscreen' webkitallowfullscreen='webkitallowfullscreen' mozallowfullscreen='mozallowfullscreen' width='320' height='266' src='https://www.youtube.com/embed/O9mEIVzJCp4?feature=player_embedded' frameborder='0'></iframe></div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13293329541031498780noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-9084889153648256095.post-1052940363513842592012-07-05T01:09:00.003-07:002012-07-05T01:09:35.613-07:00สดุดีครูกลอนสุนทรภู่<h3 class="post-title entry-title" itemprop="name">
</h3>
<div class="post-header">
<div class="separator" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none; clear: both; text-align: center;">
<span style="color: #f1c232; font-family: Trebuchet MS;">รัตนกวีสี่แผ่นดินถิ่นสยาม<br />คงใคร่ครวญคิดถามคนรุ่นหลัง<br />เขียนกลอนยากเข็ญใจนักกระมัง<br />ต้องมานั่งร้องอ้อนวอนขอใคร<br /><br />ดีไม่ดีเขียนไปให้ฝึกฝน<br />มัวแต่อ้อนวอนคนเสียนิสัย<br />เสน่ห์ถ้อยวรรณนาภาษาไทย<br />อยู่ที่ใจรับรสบทลบอง<br /><br />คำสุนทรกลอนครูท่านภู่เขียน<br />จากใจเจียรหนึ่งนี้ไม่มีสอง<br />ลอกคนอื่นส่งๆไปในทำนอง<br />ค่าร้อยกรองด้อยนักจักโรยรา<br /><br />งานตัวเองพึ่งตัวเองอย่าเกรงกลัว<br />ถึงดีชั่วแก้ไขให้คุณค่า<br />จักภูมิใจในตนผลวิชา<br />สุนทรภู่ยิ้มร่ามาให้คุณ</span></div>
<div class="post-header-line-1" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">
</div>
<div class="post-header-line-1" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">
</div>
<div class="post-header-line-1" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">
<a href="http://krusurang.files.wordpress.com/2012/06/e0b8aae0b8b8e0b899e0b897e0b8a3.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" class="CSS_LIGHTBOX_SCALED_IMAGE_IMG" closure_uid_uh5zes="51" height="200" src="http://krusurang.files.wordpress.com/2012/06/e0b8aae0b8b8e0b899e0b897e0b8a3.jpg" style="height: 259px; width: 194px;" width="149" /></a> </div>
<div class="post-header-line-1" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">
</div>
<div class="post-header-line-1" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">
<a href="http://www.jengsud.com/upload/pic/122477078.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; cssfloat: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" src="http://www.jengsud.com/upload/pic/122477078.jpg" width="148" /></a> </div>
</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13293329541031498780noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-9084889153648256095.post-28519246343623371882012-06-27T23:51:00.000-07:002012-06-27T23:51:14.816-07:00เรียงความเรื่อง สุนทรภู่ครูกวีแห่งสยาม<b><span style="color: #f1c232; font-size: large;">เรียงความเรื่อง สุนทรภู่ครูกวีแห่งสยาม</span><span style="color: #38761d; font-size: large;"> </span></b><br /><br /> <span style="color: #9fc5e8;"> เมื่อถึงวันที่ 26
มิถุนายนของทุกปีใครๆก็รู้ว่าเป็นวันสุนทรภู่
โรงเรียนส่วนใหญ่ก็จะจัดกิจกรรมแสดงละครเรื่องพระอภัยมณี แล้วก็แต่งบทกลอนเทิดทูน
หรือไม่ก็มีการจัดท่องเที่ยวตามบทประพันธ์นิราศ ต่างๆนาๆ แล้วอยู่ดีๆ
ก็มีคนเอาบทประพันธ์ไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ
แล้วยุเนสโก้ก็มาอ่านแล้วยกย่องให้สุนทรภู่เป็นกวีเอกของโลก
ที่เรียกสุนทรภู่ว่าครูกวีแห่งสยามก็คงเพราะท่านเป็นคนคิด การบังคับ โครง ฉันท์ กาพ
กลอน ต่างๆนาๆ ใช้เรียนกันในวิชาภาษาไทยก็เพื่อให้ ประเทศไทย
ไม่ลืมการแต่งคำประพันธ์ จริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้
แต่นั่นคือความคิดของพวกสิ้นคิดไม่มีวันที่จะเจริญได้หรอก
<br /><br />แต่เมื่อพอลองไปเปิดสมุดบันทึกชีวประวัติของท่านมาอ่านก็จะรู้ทันที่ว่า
กว่าจะมาเป็นบทประพันธ์ซักบทหนึ่งมันยากลำบากขนาดไหน ว่าสุนทรภู่จะคิดการแต่
บทประพันธ์ ที่ฟังหรืออ่านแล้ว ไพรเราะเสนาะหูมันยากแค่ไหน แต่ความจริงแล้ว
สุนทรภู่เกิดมาก็ เป็นเพียบแค่ไอ้เด็กตัวเล็กๆที่ชอบพูดจาภาษากลอนที่มีชื่อว่า ภู่
แต่เมื่อโตขึ้นก็ไปเป็นข้าในกลมพระราชวัง เพราะมารดาไปเป็นแม่นมให้เชื่อพระวงศ์
ส่วนพ่อก็โกรธแม่หนีไปบวดซะงั้น
พอเมื่อสุนทรถู่โตขึ้นมาหน่อยก็ไปชอบกับนางในที่ชื่อว่าแม่จัน อย่างกับหนังแดจังกึม
หลังจากที่ชอบพอกันไม่ไม่นานก็ถูกจับไปจองจำเพราะข่าวนั้นดังไปถึงกรมพระราชวังหลัง
แต่ไม่นานก็ถูกปลอยตัวเพราะ กรมพระราชวังหลังเสด็จทิวงคต
เป็นประเพณีแต่โบราณที่จะมีการปล่อยนักโทษ
เพื่ออุทิศส่วนพระราชกุศลแด่พระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์ชั้นสูง เมื่อเสด็จสวรรคต
แต่พอเมื่อถูกปล่อยตัวได้ไม่นาน สุนทรภู่ก็ถูกใช้ให้ไปธุระที่จังหวัดชลบุรี
ด้วยความคิดถึงนางจัน พี่ภู่ ก็ได้แต่ง นิราศเมืองแกลง
ออกมาเป็นเหมือนบันทึกการเดินทาง
หลังจากกลับมาวังหลังสุนทรภู่ก็ต้องตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการพระพุทธบาท
จังหวัดสระบุรี ในวันมาฆบูชา จึงได้แต่งนิราศ เรื่องที่สองขึ้นอีก คือ นิราศพระบาท
แต่ชีวิตครอบครัวก็ยังไม่ราบรื่นนัก ในที่สุดแม่จันก็ร้างลาไปพระองค์เจ้าจงกล
(เจ้าครอกทองอยู่)
ได้รับอุปการะหนูพัดซึ่งเป็นบุตรของสุนทรภู่ไว้ชีวิตของท่านสุนทรภู่ช่วงนี้คงโศกเศร้ามิใช่น้อยๆเลย
แต่เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต
นอกจากแผ่นดินและผืนฟ้าจะร่ำไห้ไพร่ธรรมดาคนหนึ่งที่มีโอกาสสูงสุดในชีวิตได้เป็นถึงกวีที่ปรึกษาในราชสำนักก็หมดวาสนาไปด้วย
ในรัชกาลที่ ๒ ขุนสุนทรโวหารใน ชีพจรลงเท้าสุนทรภู่อีกครั้ง
เมื่อท่านเกิดไปสนใจเรื่องเล่นแร่แปรธาตุและยาอายุวัฒนะ ถึงกับอุตสาหะไปค้นหา
ทำให้เกิดนิราศวัดเจ้าฟ้า และนิราศสุพรรณ ส่วนญาติพี่น้องของสุนทรภู่
ที่ล้วนเป็นชาววังหลังมีความสัมพันธ์กับวัดสุวรรณารามอย่างมากสำหรับชุมชนบ้านบุ
เป็นชุมชนที่มีการบุขันลงหินวัดสุวรรณารามหรือวัดทองนั้น
เป็นที่เผาศพของน้องสุนทรภู่ 2 คน ที่ชื่อฉิม และนิ่ม ในกลอนนิราศที่บอกว่า
"ถึงวัดทองหมองเศร้าให้เหงาเงียบ เย็นยะเยือกหย่อมหญ้าป่าช้าผี สงสารฉิมนิ่มน้อง 2
นารี มาปลงที่เมรุทองทั้ง 2 คน" ในสมัยรัชการที่ 3
เมื่อสุนทรภู่สึกออกมากรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ทรงพระเมตตาอุปการะสุนทรภู่ด้วย
กล่าวกันว่า ชอบพระราชหฤทัยในเรื่องพระอภัยมณี จึงมีรับสั่งให้สุนทรภู่แต่งต่อ
นอกจากนี้สุนทรภู่ยังแต่งเรื่องสิงหไตรภพถวายกรมหมื่นอัปสรฯ อีกเรื่องหนึ่ง
แม้สุนทรภู่จะอายุมากแล้ว แต่ท่านก็ยังรักการเดินทางและรักกลอนเป็นที่สุด
ท่านได้แต่งนิราศไว้อีก ๒ เรื่องคือนิราศพระประธม และนิราศเมืองเพชร
สุนทรภู่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระสุนทรโวหาร" ขณะที่ท่านมีอายุได้ ๖๕
ปีแล้ว ท่านถึงแก่อนิจกรรมเมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๘ รวมอายุได้ ๖๙ ปี <br /> ไปๆมาๆ
ชีวิตของสุนทรภู่วนเวียนอยู่ในวังกับวัด จนเกิดเป็นมหานิราศและบทประพันธ์ ได้แก่
1.นิราศเมืองแกลง 2.นิราศพระบาท 3.นิราศภูเขาทอง 4.นิราศเมืองเพรช 5.นิราศสุพรรณ
6.นิราศพระประธม 7.พระอภัยมณี และอื่นๆอีกมากมาย ตั้งแต่เกิดวังหลัง โตวังหลวง
บวชวัดหลวง และตายวังหน้า ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าสุนทรภู่เป็นคนระยอง
เพียงแต่แต่งนิราศเมืองแกลงไว้ตอนไปเยี่ยมพ่อที่นั่น
สุนทรภู่เป็นกวีเอกของโลกไปแล้ว แต่คนไทยยังสับสนถึงตัวตน ความเป็นมา
และความเป็นไปของกวีเอกผู้นี้อย่างไม่เข้าท่าไม่เข้าเรื่องหลักฐานก็มี
ของจริงก็ยังพอปรากฏขนาดนี้ ตาสว่างเสียทีคนไทย</span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13293329541031498780noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-9084889153648256095.post-22600472535264455352012-06-27T22:43:00.002-07:002012-06-27T22:48:17.382-07:00ศรีปราชญ์<img height="400" id="il_fi" src="http://www.all-magazine.com/Portals/0/Apr2010/zzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzsun[1].jpg" style="padding-bottom: 8px; padding-right: 8px; padding-top: 8px;" width="269" /><b>ศรีปราชญ์</b> เป็น<a href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B5" title="กวี">กวี</a>เอกคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย ในรัชสมัย<a href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A" title="สมเด็จพระนารายณ์มหาราช">สมเด็จพระนารายณ์มหาราช</a> เป็นบุตรของ<a class="new" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B5&action=edit&redlink=1" title="พระโหราธิบดี (หน้านี้ไม่มี)">พระโหราธิบดี</a> เข้ารับราชการตั้งแต่อายุ 9 ขวบ หลังแต่นั้นมาจึงกลายเป็นกวีเอกของพระนารายณ์มหาราช แต่สุดท้ายด้วยความสามารถของตน ทำให้ผู้คิดปองร้าย ใส่ร้ายศรีปราชญ์ จนถูกสั่งประหารชีวิตในที่สุด<br />
<br />
<h3><span class="mw-headline" id=".E0.B8.AA.E0.B8.A1.E0.B8.B1.E0.B8.A2.E0.B9.80.E0.B8.94.E0.B9.87.E0.B8.81">สมัยเด็ก</span></h3>สันนิษฐานว่า ศรีปราชญ์ คงจะเกิดในปี พ.ศ. 2196 หรือ 3 ปี ก่อนที่สมเด็จพระนารายณ์เสด็จขึ้นครองราชย์แทนสมเด็จศรีสุธรรมราชา พระโหราธิบดี บิดาของศรีปราชญ์เข้ารับราชการในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ครั้งหนึ่งสมเด็จพระนารายณ์ทรงแต่งโคลงบทหนึ่ง ว่า<br />
<table style="margin: 0px auto; width: 490px;"><tbody>
<tr> <td style="text-indent: 2em;" width="240">อันใดย้ำแก้มแม่</td> <td width="10"></td> <td width="240">หมองหมาย</td></tr>
<tr> <td>ยุงเหลือบฤๅริ้นพราย</td> <td></td> <td>ลอบกล้ำ</td></tr>
<tr> <td></td> <td></td> <td></td></tr>
<tr> <td></td> <td></td> <td></td></tr>
</tbody></table>แล้วก็ทรงติดขัด แต่งอย่างไรก็ไม่เป็นที่พอพระราชหฤทัย จึงพระราชทานให้แก่พระโหราธิบดี (บิดาของศรีปราชญ์) ซึ่งนอกจากจะมีความสามารถทางด้านพยากรณ์แล้ว ยังมีความรู้ความสามารถอื่นๆอีกรอบด้าน โดยเฉพาะทางด้านการแต่งโคลงกลอนซึ่งถือเป็นมือหนึ่งในสมัยนั้นเลยทีเดียวเมื่อพระโหราธิบดี ีได้รับแผ่นชนวนก็มีความคิดที่จะแต่งต่อเลยทันทีแต่ทว่าไม่สามารถแต่งต่อไดพระโหราธิบดีจึงขอพระราชทานนำกระดานชนวนนั้นกลับมาที่บ้านเมื่อถึงบ้านแล้วท่านก็นำกระดานชนวนไปไว้ที่ห้องพระเนื่องจาดถือเป็นของสูง แล้วก็ไปอาบน้ำชำระร่างกาย ศรีปราชญ์บุตรชายวัย 7 ขวบก็คิดจะเข้ามาหาพ่อที่ห้องพระ แล้วก็เหลือบไปเห็นกระดานชนวนที่วางอยู่จึงแต่งต่อว่า<br />
<table style="margin: 0px auto; width: 490px;"><tbody>
<tr> <td style="text-indent: 2em;" width="240">อันใดย้ำแก้มแม่</td> <td width="10"></td> <td width="240">หมองหมาย</td></tr>
<tr> <td>ยุงเหลือบฤๅริ้นพราย</td> <td></td> <td>ลอบกล้ำ</td></tr>
<tr> <td>ผิวชนแต่จักกราย</td> <td></td> <td>ยังยาก</td></tr>
<tr> <td>ใครจักอาจให้ช้ำ</td> <td></td> <td>ชอกเนื้อเรียมสงวน</td></tr>
</tbody></table>เมื่อพระยาโหราธิบดีอาบน้ำเสร็จ ก็เข้ามาที่ห้องพระแล้วสังเกตว่ากระดานวางอยู่ต่างจากเดิม จึงคิดในใจว่า ต้องเป็นฝีมือของเจ้าศรี บุตรชายของตนเป็นแน่ แต่ว่า เมื่อเห็นโคลงที่บุตรชายของตนแต่งต่อก็หายโกรธในทันที แล้ววันรุ่งขึ้น พระยาโหราธิบดีก็นำกระดานชนวนนั้น ไปถวายสมเด็จพระนารายณ์<br />
พอวันรุ่งขึ้นหลังจากเข้าเฝ้าถวายแผ่นกระดานชนวนแด่องค์สมเด็จพระนารายณ์แล้ว พระองค์ ทรงทอดพระเนตรเห็นบทโคลงที่แต่งต่อ ก็ทรงพอพระราชหฤทัย ตรัสชมเชยพระยาโหราธิบดีเป็นการใหญ่ พร้อมกับจะปูนบำเหน็จรางวัลให้ แต่ทว่า หากท่านพระยาโหราธิบดีแกรับพระราชทานบำเหน็จโดยฅกราบทูลความจริงให้ทรงทราบ หากวันใดทรงทราบความจริงเข้า <a class="new" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A9&action=edit&redlink=1" title="โทษ (หน้านี้ไม่มี)">โทษ</a>สถานเดียวคือ "หัวขาด" ด้วย "เพ็ดทูล" พระเจ้าอยู่หัว ดังนั้น ท่านจึงกราบบังคมทูลความจริงให้ทรงทราบว่าแท้ที่จริงแล้ว<br />
<table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="border-bottom: #cccccc 1px dotted; border-collapse: collapse; border-left: #cccccc 1px dotted; border-right: #cccccc 1px dotted; border-top: #cccccc 1px dotted; width: auto;"><tbody>
<tr> <td style="padding-bottom: 10px; padding-left: 10px; padding-right: 10px; padding-top: 10px;" valign="top" width="20"><a class="image" href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Cquote1.svg"><img alt="Cquote1.svg" height="15" src="http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4d/Cquote1.svg/20px-Cquote1.svg.png" width="20" /></a></td> <td><blockquote style="margin-left: 2em; margin-right: 2em;">ผู้ที่แต่งโคลงต่อจากพระองค์ มิใช่ข้าพระพุทธเจ้า แต่เป็นเจ้าศรีบุตรชายของ<a class="new" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2&action=edit&redlink=1" title="ข้าพระพุทธเจ้า (หน้านี้ไม่มี)">ข้าพระพุทธเจ้า</a> ซึ่งทำไปด้วยความซุกซน ต้องขอพระราชทานอภัยโทษแก่มันด้วย ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณา</blockquote></td> <td style="padding-bottom: 10px; padding-left: 10px; padding-right: 10px; padding-top: 10px;" valign="bottom" width="20"><a class="image" href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Cquote2.svg"><img alt="Cquote2.svg" height="15" src="http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/1a/Cquote2.svg/20px-Cquote2.svg.png" width="20" /></a></td></tr>
</tbody></table>เมื่อองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้ทรงสดับความจริงจากพระยาโหราธิบดี แทนที่จะทรงกริ้ว กลับทรงพอพระราชหฤทัยยิ่งขึ้น ถึงกับทรงพระสรวลลั่นท้องพระโรง และตรัสกับท่านพระยาโหรา ฯว่า<br />
<table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="border-bottom: #cccccc 1px dotted; border-collapse: collapse; border-left: #cccccc 1px dotted; border-right: #cccccc 1px dotted; border-top: #cccccc 1px dotted; width: auto;"><tbody>
<tr> <td style="padding-bottom: 10px; padding-left: 10px; padding-right: 10px; padding-top: 10px;" valign="top" width="20"><a class="image" href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Cquote1.svg"><img alt="Cquote1.svg" height="15" src="http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4d/Cquote1.svg/20px-Cquote1.svg.png" width="20" /></a></td> <td><blockquote style="margin-left: 2em; margin-right: 2em;">บ๊ะ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พ่อเก่งอย่างไร ดูรึ ลูกชายก็เก่งปานกัน หากเราจะขอให้เจ้านำบุตรของท่านเข้าถวายตัวเพื่อรับราชการแต่บัดนี้ เจ้าจะว่ากระไร ?</blockquote></td> <td style="padding-bottom: 10px; padding-left: 10px; padding-right: 10px; padding-top: 10px;" valign="bottom" width="20"><a class="image" href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Cquote2.svg"><img alt="Cquote2.svg" height="15" src="http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/1a/Cquote2.svg/20px-Cquote2.svg.png" width="20" /></a></td></tr>
</tbody></table>พระยาโหร ฯ ได้ยินเช่นนั้น ก็ถวายบังคมยกมือขึ้นเหนือเศียร รับใส่เกล้า ฯ ใส่กระหม่อม แล้วจึงกราบบังคมทูลว่า<br />
<table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="border-bottom: #cccccc 1px dotted; border-collapse: collapse; border-left: #cccccc 1px dotted; border-right: #cccccc 1px dotted; border-top: #cccccc 1px dotted; width: auto;"><tbody>
<tr> <td style="padding-bottom: 10px; padding-left: 10px; padding-right: 10px; padding-top: 10px;" valign="top" width="20"><a class="image" href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Cquote1.svg"><img alt="Cquote1.svg" height="15" src="http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4d/Cquote1.svg/20px-Cquote1.svg.png" width="20" /></a></td> <td><blockquote style="margin-left: 2em; margin-right: 2em;">ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นเกล้า ฯ การที่พระองค์ทรงโปรดที่จะให้เจ้าศรีบุตรชายของข้าพระพุทธเจ้า เข้าถวายตัวเพื่อรับราชการนั้น นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น แต่เนื่องจากบุตรของข้า ฯ ยังเยาว์วัยเพียง 7 ชันษา ยังซุกซนและไม่ประสาในการที่จะรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท เอาไว้ให้เขาเจริญวัยกว่านี้สักหน่อย ค่อยว่ากันอีกที ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณา</blockquote></td> <td style="padding-bottom: 10px; padding-left: 10px; padding-right: 10px; padding-top: 10px;" valign="bottom" width="20"><a class="image" href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Cquote2.svg"><img alt="Cquote2.svg" height="15" src="http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/1a/Cquote2.svg/20px-Cquote2.svg.png" width="20" /></a></td></tr>
</tbody></table>จะว่าไปแล้ว ท่านพระยาโหราธิบดีนั้น ท่านรู้อยู่แก่ใจของท่านดีว่า หากให้เจ้าศรีเข้ารับราชการเมื่อไร ก็เร่งเวลาให้เจ้าศรีอายุสั้นมากเท่านั้น ด้วยทราบอุปนิสัยใจคอลูกชายของท่านดีประกอบกับพื้นดวงชะตาที่ได้คำนวณเอาไว้ บ่งบอกชัดเจนว่า เจ้าศรีอายุจะสั้นด้วยต้องอาญา ดังนั้น เมื่อองค์สมเด็จพระนารายณ์ทวงถามเรื่องเจ้าศรีทีไรท่านพระยาโหรก็ต้องหาเรื่องกราบทูลผลัดผ่อนเรื่อยไป<br />
จนกระทั่งเจ้าศรีอายุได้ 15 ปี ได้ศึกษาสรรพวิทยาการต่าง ๆ จากท่านพระยาโหร ฯ ผู้เป็นพ่อจนหมดสิ้นแล้ว ท่านพระยาโหร ฯ จึงได้ถามความสมัครใจว่า อยากจะเข้าไปรับราชการในวังหรือไม่ ซึ่งเจ้าศรีนั้นก็ดีใจ และเต็มใจที่จะเข้าไปรับราชการสนองพระเดชพระคุณ ดังนั้น เมื่อพระนารายณ์ทรงทวงถามอีกครั้งหนึ่ง ท่านพระยาโหรฯ จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือผลัดผ่อนได้อีกแต่ก่อนที่จะนำเจ้าศรีเข้าถวายตัวนั้น ได้ทรงขอพระราชทานคำสัญญาจากสมเด็จพระนารายณ์ 1 ข้อ คือ<br />
<table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="border-bottom: #cccccc 1px dotted; border-collapse: collapse; border-left: #cccccc 1px dotted; border-right: #cccccc 1px dotted; border-top: #cccccc 1px dotted; width: auto;"><tbody>
<tr> <td style="padding-bottom: 10px; padding-left: 10px; padding-right: 10px; padding-top: 10px;" valign="top" width="20"><a class="image" href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Cquote1.svg"><img alt="Cquote1.svg" height="15" src="http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4d/Cquote1.svg/20px-Cquote1.svg.png" width="20" /></a></td> <td><blockquote style="margin-left: 2em; margin-right: 2em;">เมื่อเจ้าศรีเข้ารับราชการแล้ว หากกาลต่อไปภายหน้า ถ้ามันกระทำความผิดใด ๆ ที่ไม่ใช่ความผิดต่อราชบัลลังก์ และมีโทษถึงตาย ก็ขอได้โปรดงดโทษตายนั้นเสียหากจะลงโทษจริง ๆ ก็ขอเพียงให้เนรเทศให้พ้นไปจากเมือง อย่าให้ต้องถึงกับประหารชีวิต</blockquote></td> <td style="padding-bottom: 10px; padding-left: 10px; padding-right: 10px; padding-top: 10px;" valign="bottom" width="20"><a class="image" href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Cquote2.svg"><img alt="Cquote2.svg" height="15" src="http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/1a/Cquote2.svg/20px-Cquote2.svg.png" width="20" /></a></td></tr>
</tbody></table>ซึ่งพระองค์ก็ทรงพระราชทานสัญญานั้นโดยดี ทำให้ท่านพระยาโหร ฯ บรรเทาความวิตกกังวลไปได้มากทีเดียว<br />
<h3><span class="editsection">[<a href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B9%8C&action=edit&section=3" title="แก้ไขส่วน: สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช">แก้</a>]</span> <span class="mw-headline" id=".E0.B8.AA.E0.B8.A1.E0.B8.B1.E0.B8.A2.E0.B8.AA.E0.B8.A1.E0.B9.80.E0.B8.94.E0.B9.87.E0.B8.88.E0.B8.9E.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.99.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B8.B2.E0.B8.A2.E0.B8.93.E0.B9.8C.E0.B8.A1.E0.B8.AB.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B8.B2.E0.B8.8A">สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช</span></h3><b>สาเหตุของการเนรเทศ</b><br />
ตอนที่สมเด็จพระนารายณ์เดินทางไปประพาสยังป่าแก้วพระยารามเดโชโดนลิงอุจจาระลงศีรษะบรรดาทหารต่างๆก็หัวเราะสมเด็จพระนารายณ์ ์ที่ทรงบรรทมอยู่จึงตื่นขึ้นแล้วตรัสถามอำมาตย์แต่ไม่มีใครกล้ากราบบังคมทูลเพราะกลัวจะไม่สบพระราชหฤทัยสมเด็จพระนารายณ์จึงเรียกมหาดเล็กศรีมาถาม ฝ่ายเจ้าศรีรับใช้มานานจนทราบพระราชอัธยาศัยจึงกราบบังคมทูลด้วยคำคล้องจองว่า พยัคฆะ ขอเดชะ วานระ ถ่ายอุจจาระ รดศีรษะ พระยารามเดโช สมเด็จพระนารายณ์พอพระทัยเป็นอย่างมากแต่นั่นก็เป็นการสร้างความขุ่นเคืองให้พระยารามเดโชเป็นอย่างมาก สมเด็จพระนารายณ์ถึงกับตรัสว่า ศรีเอ๋ย เจ้าจงเป็นศรีปราชญ์ตั้งแต่บัดนี้เถิด<br />
ในคืนวันลอยกระทงศรีปราชญ์ได้ดื่มสุราแล้วเมาจากนั้นก็เดินไปข้าง ๆ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์เพราะฤทธิ์สุรา ท้าวศรีฯ เห็นศรีปราชญ์มายืนข้างๆก็ไม่พอพระทัยจึงว่าศรีปราชญ์เป็นโคลงว่า<br />
<table style="margin: 0px auto; width: 490px;"><tbody>
<tr> <td style="text-indent: 2em;" width="240">หะหายกระต่ายเต้น</td> <td width="10"></td> <td width="240">ชมจันทร์</td></tr>
<tr> <td>มันบ่เจียมตัวมัน</td> <td></td> <td>ต่ำต้อย</td></tr>
<tr> <td>นกยูงหากกระสัน</td> <td></td> <td>ถึงเมฆ</td></tr>
<tr> <td>มันบ่เจียมตัวน้อย</td> <td></td> <td>ต่ำเตี้ยเดียรฉาน ฯ</td></tr>
</tbody></table>ศรีปราชญ์ได้ยินดังนั้นก็รู้ว่าพระสนมเอกได้หาว่าตนเป็นเดียรฉานจึงย้อนไปเป็นโคลงว่า<br />
<table style="margin: 0px auto; width: 490px;"><tbody>
<tr> <td style="text-indent: 2em;" width="240">หะหายกระต่ายเต้น</td> <td width="10"></td> <td width="240">ชมแข</td></tr>
<tr> <td>สูงส่งสุดตาแล</td> <td></td> <td>สู่ฟ้า</td></tr>
<tr> <td>ระดูฤดีแด</td> <td></td> <td>สัตว์สู่ กันนา</td></tr>
<tr> <td>อย่าว่าเราเจ้าข้า</td> <td></td> <td>อยู่พื้นดินเดียว ฯ</td></tr>
</tbody></table>สนมเอกได้ฟังก็ไม่พอพระทัยจึงไปทูลฟ้องสมเด็จพระนารายณ์ฯ พระองค์จึงให้ศรีปราชญ์ไปอยู่ในคุกหลวงแต่ไม่ต้องไปทำงานเหมือนนักโทษคนอื่นๆ พระยารามเดโชเห็นดังนั้นจึงให้ศรีปราชญ์มาทำงานเหมือนนักโทษคนอื่นๆ ฝ่ายศรีปราชญ์นั้นเก่งแต่ทางโคลงมิได้เก่งทางด้านการใช้แรงงาน ทางสนมเอกฯ ได้ข่าวก็เสด็จไปที่ที่ศรีปราชญ์ขุดคลองอยู่ เมื่อพระสนมเอกได้ตรัสว่าศรีปราชญ์สมพระทัยแล้วจึงเสด็จกลับ แต่ต้องสวนกลับทางที่ศรีปราชญ์ได้ขนโคลนไปแล้ว พวกนางรับใช้ของพระสนมเอกหมั่นไส้จึงขัดขาศรีปราชญ์ ดังนั้นโคลนจึงหกใส่พระสนมเอกซึ่งมีโทษถึงประหาร แต่พระโหราธิบดีได้เคยทูลขอกับสมเด็จพระนารายณ์ฯ ว่า หากเจ้าศรีทำผิดแล้วมีโทษถึงประหาร ขอพระราชทานให้ลดโทษเหลือเพียงเนรเทศ ดังนั้นสมเด็จพระนารายณ์ฯ จึงเนรเทศศรีปราชญ์ไปเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งที่เมืองนครศรีธรรมราชนี้เองที่ศรีปราชญ์สามารถแสดงทักษะด้านกวีได้อีกเช่นกัน เพราะว่าท่านเจ้าเมืองเองก็มีใจชอบด้านกวีอยู่แล้ว และด้วยความเป็นอัจฉริยะของศรีปราชญ์นี้เองที่ทำให้ท่านเจ้าเมืองโปรดปรานเขา แต่แล้วศรีปราชญ์ไปมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับภรรยาน้อยของท่านเจ้าเมืองเข้า ท่านเจ้าเมืองโกรธมากและหึงหวงภรรยาน้อย จึงสั่งให้นำตัวศรีปราชญ์ไปประหารชีวิต ศรีปราชญ์ประท้วงโทษประหารชีวิตแต่ท่านเจ้าเมืองไม่ฟัง ซึ่งปัจจุบันเชื่อกันว่าสถานที่ใช้ล้างดาบที่ใช้ประหารชีวิตศรีปราชญ์นั้น ตั้งอยู่ภายใน<a href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A" title="โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช">โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช</a> <a class="new" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A&action=edit&redlink=1" title="จังหวัดนครศรีธรรรมราช (หน้านี้ไม่มี)">จังหวัดนครศรีธรรรมราช</a> เรียกว่า "สระล้างดาบศรีปราชญ์"<sup class="noprint Template-Fact"><span style="white-space: nowrap;" title="เนื้อหาของประโยคหรือวลีนี้ต้องการแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ">[<i><a href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2:%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%87" title="วิกิพีเดีย:ต้องการอ้างอิง">ต้องการอ้างอิง</a></i>]</span></sup> และก่อนที่เพชฌฆาตจะลงดาบประหารศรีปราชญ์ได้ขออนุญาตเขียนโคลงบทสุดท้ายไว้กับพื้นธรณีว่า<br />
<table style="margin: 0px auto; width: 490px;"><tbody>
<tr> <td style="text-indent: 2em;" width="240">ธรณีนี่นี้</td> <td width="10"></td> <td width="240">เป็นพยาน</td></tr>
<tr> <td>เราก็ศิษย์มีอาจารย์</td> <td></td> <td>หนึ่งบ้าง</td></tr>
<tr> <td>เราผิดท่านประหาร</td> <td></td> <td>เราชอบ</td></tr>
<tr> <td>เราบ่ผิดท่านมล้าง</td> <td></td> <td>ดาบนี้คืนสนอง ฯ</td></tr>
</tbody></table>ในขณะที่ถูกประหารนั้นศรีปราชญ์มีอายุประมาณ 30 หรือ 35 ปี ได้ข่าวการประหารศรีปราชญ์ แพร่ไปถึงพระกรรณของสมเด็จพระนารายณ์ผู้ซึ่งใคร่จะเรียกตัวศรีปราชญ์มาใช้งานในเมืองหลวงพระองค์ทรงพระพิโรธเจ้าเมืองนคร ฯ ผู้ซึ่งกระทำการโดยปราศจากความเห็นชอบของพระองค์ และเมื่อพระองค์ได้ทราบถึงโคลงบทสุดท้ายของศรีปราชญ์จึงมีพระบรมราชโองการให้นำเอาดาบที่เจ้าพระยานคร ฯ ใช้ประหารศรีปราชญ์แล้วนั้นนำมาประหารชีวิตเจ้านครศรีธรรมราช ให้ตายตกไปตามกัน สมดังคำที่ศรีปราชญ์เขียนไว้เป็นโคลงบทสุดท้ายก่อนสิ้นชีวิตว่า “ ดาบนี้คืนสนองAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/13293329541031498780noreply@blogger.com1